จากภาพด้านบน
เป็นการทุจริตการสอบ ในแบบฉบับโบราณหรือพื้นฐานมาก แค่หันไปมองคำตอบของผู้อื่น
คิดว่าภาพแค่นี้ น่าจะสื่อได้บ้าง
เพราะเชื่อว่าทุกคนคงประสบกันมาตั้งแต่สมัยอยู่ประถม มัธยม หรือนั่งอ่านหนังสือ
ดูหนังด้วยกัน ก็มีแอบดูบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะมาใช้ในการสอบไม่ได้
ถือว่าผิดที่ผิดเวลา
แม้ว่าจะเป็นการชะเงอดู
ไม่ทันได้บันทึกความจำว่าเขาเขียนอะไรบ้าง ก็มีผลไปถึงการส่อทุจริตได้
เพราะต่อให้ทุจริตไม่สำเร็จ อาจจะเป็นการส่อได้ เช่นง่าย ๆ
พกพาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสอบเข้าห้องสอบ แม้ยังไม่ทำการสอบหรือยังไม่ทันได้เปิดข้อมูลเพื่อดูระหว่างทำข้อสอบ
แค่พกเข้ามาโดยไม่รู้ตัว อาจจะเป็นการส่อทุจริตได้
เพื่อความสบายใจ สอบครั้งใด
ให้ไปตัวเปล่า ให้เหลือแค่ความทรงจำ ความเข้าใจ และรอยยิ้มก็พอ
เพราะการสอบเป็นเพียงการวัดผลการศึกษาในรูปแบบหนึ่ง เป้าหมายที่แท้จริง คือ
การนำไปใช้ได้จริงและใช้ในทางที่เกิดประโยชน์
สำหรับโทษล่าสุดนี้
เพิ่งได้ตกลงกันใหม่ตามมติที่ประชุม คือ ให้พักการศึกษา ๒ ภาคการศึกษา
ในภาคการศึกษาที่กระทำความผิดและภาคการศึกษาถัดไป (ไม่รวมภาคการศึกษาฤดูร้อน)
ดูจากโทษแล้ว
รู้สึกใจไม่ดีกับผลที่ทำลงไป เพราะถ้าเราทำได้ แม้ทำได้น้อย ก็แค่ติด E แต่ไม่ถูกพักการศึกษา แต่ถ้าทำขึ้นมา
ก็จะมีข้อสงสัยในระเบียนผลการเรียนที่ปรากฎว่าหายไป ๑ ปีการศึกษา
เหมือนโดนหลายเท่าตัว เพราะการทุจริตในการสอบ
บ่งบอกถึงความคิดของบุคคลที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อตนเองและสังคมได้
อยากนักศึกษาทุกคนเปลี่ยนทัศนคติใหม่
ไม่ต้องอ่านหนังสือ ท่องหนังสือ ช่วงสอบเสมอไป แค่ทบทวนเนื้อหา แบบฝึก
และแลกเปลี่ยนก็พอ เพราะบ่อยครั้งจะเห็นว่ามีนักศึกษาบางกลุ่มรวมตัวกันไปติว
เหมือนไปสอนใหม่ บางคนไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก รอติวอย่างเดียว
บางครั้งอาจจะไม่มีความรู้เดิมพอที่จะแลกเปลี่ยนหรือตอบย้ำ ลับคมสมองให้แตกฉานได้
แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
เพราะลำพังจะหาเวลาจะทบทวนก็ไม่เพียงพอแล้ว ขอให้เรียนอย่างมีความสุขแล้วกัน
ทำตามความฝันของตัวเองและทำเพื่อประโยชน์ของสังคมต่อไป
ที่มา http://www.eng.ubu.ac.th
ที่มา http://www.eng.ubu.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น